โมเดล 3 มิติ หรือ 3D Model คือ โมเดลที่ถูกสร้างโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อแสดงผลให้เห็นบนพื้นผิว 3 มิติ คือมีมิติในแนวนอน แนวตั้ง และแนวลึก ซึ่งแตกต่างจากภาพ 2 มิติ ที่แสดงผลเพียง 2 แนวเท่านั้น โมเดล 3 มิติ จึงมีมุมมองที่มากกว่า คือสามารถมองเห็นได้รอบด้าน 360 องศา และสามารถปรับแต่งแก้ไขรูปทรงในลักษณะเหมือนกับงานปั้นได้ ซึ่งเรียกว่า 3D Modeling หรือการปั้นวัตถุ 3 มิติ
วัตถุ 3 มิติ แบ่งประเภทตามลักษณะโครงสร้าง ได้แก่
1. NURBS :เหมาะกับการขึ้นโมเดลที่มีลักษณะที่โค้งเว้า เช่น ขวดแก้ว แจกัน จะไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้มากนัก เช่น หน้าคนที่มีรายละเอียดมาก โมเดลที่มีลวดลายมากมาย ไม่เหมาะกับ NURBS รูปแบบลักษณะจะเรียบ โค้งเว้ามาตั้งแต่เริ่มต้น จึงเหมาะกับการสร้างวัตถุ
ภาพที่ 5.1 โมเดล 3 มิติแบบ NURBS
ที่มา https://www.applicadthai.com/articles/rhinoceros-%E2%80%93-nurbs-modeling/
เข้าถึงเมื่อ 20 มิถุนายน 2556
2. Polygonal : มีโครงสร้างเป็นรูปทรงเรขาคณิต คือรูปทรงเหลี่ยมต่าง ๆ ที่เป็นแผ่น (Mesh) ประกอบเรียงกันจนเป็นวัตถุที่ซับซ้อนขึ้น Polygonal มีการใช้งานที่แพร่หลายกว่า และเป็นมาตรฐานทั่วไปของวัตถุ 3 มิติ สามารถปรับแต่งได้ง่ายกว่าด้วย ซึ่งเราจะให้ความสนใจกับวัตถุ Polygonal ในการทำงานหลัก
ภาพที่ 5.2 โมเดล 3 มิติแบบ Polygonal
ที่มา http://mayabasic.blogspot.com/2015/05/maya.html เข้าถึงเมื่อ 20 มิถุนายน 2556
วัตถุ 3 มิติ แบบ Polygonal มีส่วนประกอบ ดังนี้
1. Face คือ พื้นผิวแต่ละด้านของวัตถุ
2. Edge คือ เส้นขอบแต่ละด้านของวัตถุ
3. Vertice หรือ Vertex คือ จุดเชื่อมต่อของเส้นและพื้นผิว
ภาพที่ 5.3 ส่วนประกอบของโมเดล 3 มิติ
นอกจากโครงสร้างแล้ว วัตถุ 3 มิติ สามารถแสดงคุณสมบัติของตัวเองผ่านพื้นผิวภายนอก ได้แก่
1. Shader คือ ลักษณะของพื้นผิว เช่น ความมันวาว โปร่งใส สะท้อนแสง หยาบ เรียบ เรืองแสง มีรอยบุ๋มหรือนูนขึ้นมา
ภาพที่ 5.4 พื้นผิวแบบ Shader
ที่มา https://www.pinterest.com/pin/699817229567744186/
เข้าถึงเมื่อ 20 มิถุนายน 2556
2. Texture คือ สี ลวดลาย หรือภาพ ที่เรากำหนดลงไปให้พื้นผิว เช่น ลายไม้ หิน พื้นกระเบื้อง โลหะ
ภาพที่ 5.4 พื้นผิวแบบ Texture ลายหิน